ในบางรายไม่พบสาเหตุ แต่บางรายพบปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคได้ ดังนี้

• การมีโรคหรือภาวะที่ผนังกล้ามเนื้อหน้าท้องไม่แข็งแรง
• อายุมาก
• เกิดจากความผิดปกติตั้งแต่ตอนคลอด ที่ส่งผลให้รูเปิดบริเวณขาหนีบไม่ปิด
• ไอ หรือ จามเรื้อรัง
• ตั้งครรภ์
• อุบัติเหตุบริเวณกล้ามเนื้อช่องท้อง หรือ เคยผ่าตัดบริเวณช่องท้อง
• การมีแรงดันกระทำบนช่องท้องเช่นการเบ่งอุจจาระจากภาวะท้องผูกและการยกของหนัก

หากท่านพบก้อนไส้เลื่อนกำลังกลายเป็นสีแดง ม่วงหรือสีเข้ม ท่านอาจมีความเสี่ยงเกิดการบีบรัดซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายถึงชีวิต ให้รีบติดต่อห้องฉุกเฉินเพื่อรับการรักษา อย่างไรก็ตามหากท่านพบก้อนและอาการที่คิดว่าเข้าได้กับไส้เลื่อน ให้นัดหมายศัลยแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยได้อย่างถูกต้องซึ่งหากเป็นไส้เลื่อนจริง การซ่อมแซมสามารถทำได้ก่อนที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนหรือบางกรณีที่เป็นไม่มากอาจให้เฝ้าระวังก่อน

ภาวะแทรกซ้อนจากภาวะไส้เลื่อนขาหนีบอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตหากไม่ได้รับการรักษา โดยถ้าไส้เลื่อนดังกล่าวไม่สามารถดันกลับเข้าตำแหน่งเดิมอาจทำให้ติดอยู่ในผนังช่องท้องซึ่งจะเกิดการอุดตันหรือการบีบรัด

• การอุดตัน (Obstruction): ส่วนของลำไส้ติดอยู่ในช่องขาหนีบ อาการอาจมีคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องและปวดก้อน
• การบีบรัด (Strangulation): ส่วนของลำไส้หลุดเข้าไปติดและเลือดไม่สามารถไหลเวียนได้ ในกรณีนี้ควรต้องผ่าตัดฉุกเฉินภายในไม่กี่ชั่วโมง

• บวมหรือเป็นก้อนบริเวณขาหนีบ มักเห็นได้ชัดเมื่อไอหรือยกของหนัก
• อัณฑะบวมผิดปกติ
• ปวด
• รู้สึกอ่อนแรงหรือมีแรงดันในบริเวณขาหนีบ
• สำหรับเด็กแรกเกิด หากมีภาวะไส้เลื่อนอาจสังเกตได้เฉพาะตอนร้องไห้ ไอ หรือเบ่งอุจจาระ
• เด็กแรกเกิดอาจรู้สึกหงุดหงิดและอยากอาหารน้อยลง

โรคไส้เลื่อนขาหนีบสามารถซ่อมแซมได้ด้วยการผ่าตัดและแนะนำให้ทำเมื่อมีอาการปวดรุนแรงหรือมีอาการตลอดรวมถึงเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ทั้งนี้มีวิธีการผ่าตัดสองแบบ

• Open surgery: ผ่าตัดเพื่อให้แพทย์ดันไส้กลับเข้าไปในช่องท้อง
• Laparoscopic surgery: เป็นวิธีที่เจ็บน้อยสุดโดยการส่องกล้อง ต้องทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญ