เจ็บคอ

อาการเจ็บคอคืออะไร

อาการเจ็บคอหรือคออักเสบจะมีอาการระคายเคือง เจ็บและคันคอซึ่งรู้สึกได้เมื่อพูดหรือกลืนน้ำลาย 

สาเหตุ

  • การติดเชื้อไวรัส เช่น หวัด ไข้หวัด โควิด-19

  • การติดเชื้อแบคทีเรียโดยเชื้อที่พบบ่อยสุดคือ Streptococcus pyogenes (group A streptococcus)

  • ภูมิแพ้ต่อละอองเกสร ไรฝุ่น สัตว์เลี้ยง เชื้อราและสารก่อภูมิแพ้ทางเดินหายใจอื่นๆ

  • ต่อมทอนซิลอักเสบ

  • มลภาวะและควันบุหรี่

  • การตะโกน พูดเป็นระยะเวลานานอย่างต่อเนื่องและการใช้เสียงดัง

  • โรคกรดไหลย้อน

  • มะเร็งโดยอาจพบอาการร่วมต่างๆเช่นเสียงแหบเรื้อรัง กลืนลำบาก เสมหะปนเลือดและเจ็บคอเรื้อรัง

อาการแสดง

  • ไข้

  • คัดจมูก

  • ปวดหัว

  • อ่อนเพลีย

  • ไอ

  • เสียงแหบ

  • น้ำมูกไหล

  • จาม

การป้องกัน

  • ล้างมืออย่างสม่ำเสมออย่างน้อย 20 วินาทีหลังจากกิจกรรมต่างๆเช่นก่อนและหลังการรับประทานอาหารหรือการใช้ห้องน้ำ

  • หลีกเลี่ยงการจับใบหน้า

  • ทำความสะอาดของที่ใช้บ่อย เช่นโทรศัพท์ ลูกบิดประตู สวิทช์ไฟ คีย์บอร์ด

  • หลีกเลี่ยงผู้ป่วย

การรักษา

อาการเจ็บคอที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสมักหายได้เองภายใน 5-7 วัน โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยาใดๆ สำหรับการติดเชื้อไวรัส การใช้ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียไม่เกิดประโยชน์ใดๆ การรักษาตามอาการอาจใช้ยาพาราเซตามอลหรือ Ibuprofen เพื่อลดไข้และปวดซึ่งสามารถใช้ตามความจำเป็นและหยุดยาได้เมื่อมีอาการดีขึ้น ยาแอสไพรินไม่ควรใช้ในเด็กและวัยรุ่นเนื่องจากมีความสัมพันธ์กับการเกิด Reye’s syndrome ซึ่งอาจอันตรายถึงชีวิต

ผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อแบคทีเรียจำเป็นต้องได้รับยาฆ่าเชื้อครบตามที่แพทย์สั่งแม้ว่าอาการจะดีขึ้นแล้วเพื่อกำจัดเชื้อก่อโรคให้หมด

เมื่อไหร่ควรพบแพทย์

หากท่านรู้สึกไม่สบายตัวจากอาการเจ็บคอ ควรพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาอย่างเหมาะสมโดยเฉพาะเด็กเล็ก หากท่านมีอาการเจ็บคอที่เป็นมาเกิน 1 สัปดาห์และมีอาการแย่ลงร่วมกับอาการอื่นๆเช่นเสียงแหบ หายใจลำบาก กลืนลำบาก ปวดข้อ ไข้สูงกว่า 38.3 องศาเซลเซียส อาการเจ็บคอที่กลับมาเป็นซ้ำบ่อยๆ ให้พบแพทย์ทันทีเพื่อรับการรักษาให้เร็วที่สุด

ศูนย์หู คอ จมูก

ศูนย์หู คอ จมูก

เจ็บคอ

อาการเจ็บคอคืออะไร

อาการเจ็บคอหรือคออักเสบจะมีอาการระคายเคือง เจ็บและคันคอซึ่งรู้สึกได้เมื่อพูดหรือกลืนน้ำลาย 

สาเหตุ

  • การติดเชื้อไวรัส เช่น หวัด ไข้หวัด โควิด-19

  • การติดเชื้อแบคทีเรียโดยเชื้อที่พบบ่อยสุดคือ Streptococcus pyogenes (group A streptococcus)

  • ภูมิแพ้ต่อละอองเกสร ไรฝุ่น สัตว์เลี้ยง เชื้อราและสารก่อภูมิแพ้ทางเดินหายใจอื่นๆ

  • ต่อมทอนซิลอักเสบ

  • มลภาวะและควันบุหรี่

  • การตะโกน พูดเป็นระยะเวลานานอย่างต่อเนื่องและการใช้เสียงดัง

  • โรคกรดไหลย้อน

  • มะเร็งโดยอาจพบอาการร่วมต่างๆเช่นเสียงแหบเรื้อรัง กลืนลำบาก เสมหะปนเลือดและเจ็บคอเรื้อรัง

อาการแสดง

  • ไข้

  • คัดจมูก

  • ปวดหัว

  • อ่อนเพลีย

  • ไอ

  • เสียงแหบ

  • น้ำมูกไหล

  • จาม

การป้องกัน

  • ล้างมืออย่างสม่ำเสมออย่างน้อย 20 วินาทีหลังจากกิจกรรมต่างๆเช่นก่อนและหลังการรับประทานอาหารหรือการใช้ห้องน้ำ

  • หลีกเลี่ยงการจับใบหน้า

  • ทำความสะอาดของที่ใช้บ่อย เช่นโทรศัพท์ ลูกบิดประตู สวิทช์ไฟ คีย์บอร์ด

  • หลีกเลี่ยงผู้ป่วย

การรักษา

อาการเจ็บคอที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสมักหายได้เองภายใน 5-7 วัน โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยาใดๆ สำหรับการติดเชื้อไวรัส การใช้ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียไม่เกิดประโยชน์ใดๆ การรักษาตามอาการอาจใช้ยาพาราเซตามอลหรือ Ibuprofen เพื่อลดไข้และปวดซึ่งสามารถใช้ตามความจำเป็นและหยุดยาได้เมื่อมีอาการดีขึ้น ยาแอสไพรินไม่ควรใช้ในเด็กและวัยรุ่นเนื่องจากมีความสัมพันธ์กับการเกิด Reye’s syndrome ซึ่งอาจอันตรายถึงชีวิต

ผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อแบคทีเรียจำเป็นต้องได้รับยาฆ่าเชื้อครบตามที่แพทย์สั่งแม้ว่าอาการจะดีขึ้นแล้วเพื่อกำจัดเชื้อก่อโรคให้หมด

เมื่อไหร่ควรพบแพทย์

หากท่านรู้สึกไม่สบายตัวจากอาการเจ็บคอ ควรพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาอย่างเหมาะสมโดยเฉพาะเด็กเล็ก หากท่านมีอาการเจ็บคอที่เป็นมาเกิน 1 สัปดาห์และมีอาการแย่ลงร่วมกับอาการอื่นๆเช่นเสียงแหบ หายใจลำบาก กลืนลำบาก ปวดข้อ ไข้สูงกว่า 38.3 องศาเซลเซียส อาการเจ็บคอที่กลับมาเป็นซ้ำบ่อยๆ ให้พบแพทย์ทันทีเพื่อรับการรักษาให้เร็วที่สุด

Emergency
+66 2220 3899

Make an appointment, call an ambulance. Available for service 24 hours a day.

Call Us
+66 2220 7999

Available for service 24 hours a day.

Hospital map
How to get there